วันที่ 9 กันยายน2567 (วันที่เก้า เดือนเก้า) ที่ลานพิธีองค์พระใหญ่ (พระพุทธมหาธรรมราชา) นายศักดิ์สิทธิ์ วัชระธิติเปรมชัย เจ้าของบริษัทศักดิ์สิทธิ์อัลลอยและเป็นประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิสร้างสันติภาพสู่สันติสุขโลก และเป็นผู้ริเริ่มจัดงานโครงการสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตเพื่อพลังสร้างสันติภาพสู่สันติสุขโลกขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกจัดขึ้นในกรุงเทพฯ ครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่วัดปากน้ำ และครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ลานพระพุทธมหาธรรมราชาจังหวัดเพชรบูรณ์ การจัดงานสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตเพื่อรวมพลังสร้างสันติภาพสู่สันติสุขโลกและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 6 รอบ72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี.สมเด็จพระสังฆราช ดร.วัสกาคูเว มหินทราวันสะ มหานายกะ เถโร ประมุขสูงสุด ของ อมรปุระนิกาย ประเทศศรีลังกา เดินทางเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธี- พระราชพัชรธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (มหานิกาย) ได้กล่าวรายงาน พล.ต.มรว.วัยวัฒน์ จักรพันธุ์ ประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มอบหมายให้นายจิรวัฒน์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ปฏิบัติหน้าที่แทน
โดยมีพล.ต.มรว.วัยวัฒน์ จักรพันธุ์ เป็นประธานในพิธี จุดธูป เทียน บูชา พระรัตนตรัย ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชานายจิรวัฒน์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดกรวยถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน จากนั้นเบิกตัวผู้เข้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราช ดร.วัสกาคูเว มหินทราวันสะ มหานายกะ เถโร ประมุขสูงสุดของ อมรปุระนิกายประเทศศรีลังกา จำนวน 3 ท่าน ได้แก่พระราชพัชรธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ พล.ต.มรว.วัยวัฒน์ จักรพันธุ์ และนายจิรวัฒน์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีการมอบเกียรติบัตรให้กับคณะสงฆ์และญาติโยมที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้จากสมเด็จพระสังฆราชของอมรปุระนิกายประเทศศรีลังกา เสร็จแล้วเป็นการสวดพระพุทธมนต์และอธิษฐานจิตเพื่อรวมพลังสร้างสันติภาพสู่สันติสุขโลกและเป็นการถวายพระพรชัยยะมงคลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 6 รอบ ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆหัวหน้าส่วนราชการต่างๆวัดต่างๆและประชาชนได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
นที บุญรอด/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น